วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ป้องกันกระดูกพรุนด้วยผักตระกูลคะน้า
พืชในตระกูลคะน้า (Brassica) เช่น บรอคโคลี่ คะน้า ผักกวางตุ้ง กระหล่ำปลี และผักกาดเขียว มีแคลเซียมสูง ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่ายพอๆ กับนม
แคลเซียมมีอยู่ในอาหารหลายชนิด ที่ขึ้นชื่อคือนม แต่ถ้าจะดื่มนมก็ควรเลือกที่มีไขมันต่ำประเภทนมพร่องมันเนย ซึ่งก็มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไม่ถูกกับนม ผศ.วงสวาท โกศัลวัฒน์ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยโครงการพัฒนาตำรับอาหารไทยที่มีแคลเซียมสูง ภายใต้การสนับสนุนของ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.)และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กำลังทำการศึกษาอาหารพื้นบ้านไทยสี่ภาค เพื่อสนับสนุนการกินอาหารแบบไทยๆ ก็สามารถได้แคลเซียมในปริมาณเพียงพอ เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน
จากเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องพบว่า เพราะมีปริมาณออกซาเลทอยู่น้อยเมื่อเทียบกับพืชตระกูลอื่น มีการศึกษาพบว่าพืชบางชนิดมีแคลเซียมสูงแต่ก็มีสารไฟเตท(Phytate) และออกซาเลท (Oxalate) รวมอยู่ด้วยในปริมาณสูง ซึ่งจะมีผลต่อความสามารถของร่างกายในการดูดซึมแคลเซียมไปใช้ โดยสารเหล่านี้จะจับตัวกับแคลเซียม และขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในอาหาร
สารไฟเตทจะมีอยู่มากในส่วนเปลือกด้านนอกของพืชเมล็ด และพืชตระกูลถั่วต่างๆ ส่วนออกซาเลทจะอยู่ในพืชผักใบเขียวเข้ม เช่นผักโขมฝรั่ง ผักปวยเล้ง และปริมาณปานกลางในมันเทศ ถั่วเมล็ดแห้ง และในถั่วเหลือง ผศ.วงสวาท แนะนำว่าการปรุงอาหารด้วยวิธีทอด คั่ว จะช่วยลดสารไฟเตท และออกซาเลทในอาหารเหล่านี้ลงได้มากที่สุด ส่วนการต้มกับนึ่งช่วยลดลงได้บ้าง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมจากอาหารเหล่านี้ไปใช้ได้ดีขึ้น
นอกจากนี้น้ำต้มกระดูกไม่ว่าจะเป็นกระดูกหมูหรือกระดูกไ ก่ ถ้าต้มรวมกับผักนานกว่า 12 ชั่วโมง หรือข้ามวันจะยิ่งทำให้มีปริมาณแคลเซียมเพิ่มขึ้น...เหล่านี้ เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ของภูมิปัญญานักวิจัยไทยมาแนะนำให้เราท่านได้ทำอาหารไทยรับประทานอย่างถูกหลักคงคุณค่าโภชนาการ
ที่มาข้อมูล โดย : นิตยสาร Health Today, Updated: 14/02/2008
แคลเซียมมีอยู่ในอาหารหลายชนิด ที่ขึ้นชื่อคือนม แต่ถ้าจะดื่มนมก็ควรเลือกที่มีไขมันต่ำประเภทนมพร่องมันเนย ซึ่งก็มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไม่ถูกกับนม ผศ.วงสวาท โกศัลวัฒน์ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยโครงการพัฒนาตำรับอาหารไทยที่มีแคลเซียมสูง ภายใต้การสนับสนุนของ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.)และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กำลังทำการศึกษาอาหารพื้นบ้านไทยสี่ภาค เพื่อสนับสนุนการกินอาหารแบบไทยๆ ก็สามารถได้แคลเซียมในปริมาณเพียงพอ เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน
จากเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องพบว่า เพราะมีปริมาณออกซาเลทอยู่น้อยเมื่อเทียบกับพืชตระกูลอื่น มีการศึกษาพบว่าพืชบางชนิดมีแคลเซียมสูงแต่ก็มีสารไฟเตท(Phytate) และออกซาเลท (Oxalate) รวมอยู่ด้วยในปริมาณสูง ซึ่งจะมีผลต่อความสามารถของร่างกายในการดูดซึมแคลเซียมไปใช้ โดยสารเหล่านี้จะจับตัวกับแคลเซียม และขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในอาหาร
สารไฟเตทจะมีอยู่มากในส่วนเปลือกด้านนอกของพืชเมล็ด และพืชตระกูลถั่วต่างๆ ส่วนออกซาเลทจะอยู่ในพืชผักใบเขียวเข้ม เช่นผักโขมฝรั่ง ผักปวยเล้ง และปริมาณปานกลางในมันเทศ ถั่วเมล็ดแห้ง และในถั่วเหลือง ผศ.วงสวาท แนะนำว่าการปรุงอาหารด้วยวิธีทอด คั่ว จะช่วยลดสารไฟเตท และออกซาเลทในอาหารเหล่านี้ลงได้มากที่สุด ส่วนการต้มกับนึ่งช่วยลดลงได้บ้าง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมจากอาหารเหล่านี้ไปใช้ได้ดีขึ้น
นอกจากนี้น้ำต้มกระดูกไม่ว่าจะเป็นกระดูกหมูหรือกระดูกไ ก่ ถ้าต้มรวมกับผักนานกว่า 12 ชั่วโมง หรือข้ามวันจะยิ่งทำให้มีปริมาณแคลเซียมเพิ่มขึ้น...เหล่านี้ เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ของภูมิปัญญานักวิจัยไทยมาแนะนำให้เราท่านได้ทำอาหารไทยรับประทานอย่างถูกหลักคงคุณค่าโภชนาการ
ที่มาข้อมูล โดย : นิตยสาร Health Today, Updated: 14/02/2008
ป้ายกำกับ:
ความรู้เล็กๆน้อยๆ,
น่ารู้เกี่ยวกับโรคใกล้ตัว
แก้อาการเป็นตะคริว
สำหรับคนที่เป็นตะคริวบ่อยๆอ่านทางนี้ เรามีเคล็ดลับวิธีแก้อาการตะคริวแบบง่ายๆมาบอก
เริ่มจากการ เป็นตะคริวที่น่อง ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง ใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้าและใช้มืออีกข้าง ดันปลายเท้าขึ้นลงให้เต็มที่อย่างช้าๆ ประมาณ 5 นาที แล้วหาครีมหรือน้ำมันมานวดซ้ำอีกที เพื่อกระตุ้นให้เลือดตรงบริเวณนั้นไหลเวียน หากเป็นตะคริวที่ต้นขา ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง แล้วใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้า ส่วนอีกข้างกดลงบนหัวเข่า จากนั้นค่อยๆนวดบริเวณที่เป็นตะคริว หรือเป็นตะคริวที่นิ้วเท้า ให้เหยียดนิ้วเท้าให้ตรง และลุกขึ้นยืนเข่ยงเท้า จากนั้นค่อยๆนวดบริเวณ นิ้วเท้าอย่างเบามือ สุดท้าย ตะคริวที่นิ้วมือ ให้เหยียดนิ้วมือออก แล้วนวดเบาๆบริเวณนิ้วมือที่เป็น แนะว่าคนที่เป็นตะคริวบ่อยๆควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อยทอดผักคะน้า ผักหวาน กระถิน ใบตำลึง ผักกวางตุ้ง ลูกพรุน งาดำ และ เต้าหู้ เป็นต้น
ทีมาข้อมูลโดย : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ , Updated: 30/11/2009
เริ่มจากการ เป็นตะคริวที่น่อง ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง ใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้าและใช้มืออีกข้าง ดันปลายเท้าขึ้นลงให้เต็มที่อย่างช้าๆ ประมาณ 5 นาที แล้วหาครีมหรือน้ำมันมานวดซ้ำอีกที เพื่อกระตุ้นให้เลือดตรงบริเวณนั้นไหลเวียน หากเป็นตะคริวที่ต้นขา ให้เหยียดขาข้างที่เป็นตะคริวให้ตรง แล้วใช้มือข้างหนึ่งยกประคองส้นเท้า ส่วนอีกข้างกดลงบนหัวเข่า จากนั้นค่อยๆนวดบริเวณที่เป็นตะคริว หรือเป็นตะคริวที่นิ้วเท้า ให้เหยียดนิ้วเท้าให้ตรง และลุกขึ้นยืนเข่ยงเท้า จากนั้นค่อยๆนวดบริเวณ นิ้วเท้าอย่างเบามือ สุดท้าย ตะคริวที่นิ้วมือ ให้เหยียดนิ้วมือออก แล้วนวดเบาๆบริเวณนิ้วมือที่เป็น แนะว่าคนที่เป็นตะคริวบ่อยๆควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาเล็กปลาน้อยทอดผักคะน้า ผักหวาน กระถิน ใบตำลึง ผักกวางตุ้ง ลูกพรุน งาดำ และ เต้าหู้ เป็นต้น
ทีมาข้อมูลโดย : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ , Updated: 30/11/2009
เคี้ยวพืชสมุนไพร ดื่มน้ำผลไม้ลดกลิ่นปาก
เมื่อเกิดกลิ่นปากแล้วอยากแก้ปัญหาเหล่านั้นเพื่อเรียกคืนลมหายใจหอมสดชื่น เรามีพืชสมุนไพร และเครื่องดื่มขจัดกลิ่นเหม็นจากช่องปาก
เมื่อเกิดกลิ่นปากแล้วอยากแก้ปัญหาเหล่านั้นเพื่อเรียกคืนลมหายใจหอมสดชื่น กินดี วันนี้มีพืชสมุนไพร และเครื่องดื่มขจัดกลิ่นเหม็นจากช่องปาก เริ่มที่การใช้พืชสมุนไพร อย่าง กานพลู โดยใช้ดอกตูมแห้ง 2-3 ดอก อมไว้ในปากแล้วคายทิ้ง ทั้งยังสามารถนำดอกตูมแห้งบดให้เป็นผง เพื่อนำไปเป็นผงสมุนไพรสำหรับแปรงฟัน หรือจะเป็น ใบฝรั่ง เลือกใบสด 2-3 ใบ เคี้ยวและคายทิ้งหลังมื้ออาหารหรือเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีกลิ่นปาก ส่วนเครื่องดื่มสกัดจากผลไม้ที่ช่วยแก้ไขปัญหาลมหายใจมีกลิ่นเหม็น แถมยังช่วยแก้กระหายนั้นเป็นการนำสรรพคุณของ แตงโมเหลือง สับปะรด แอปเปิ้ลเขียว สำหรับ แตงโม นั้น เป็นผลไม้ที่ช่วยชะล้างของเสียได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะของเสียจากไตและกระเพาะปัสสาวะรวมทั้งทางเดินปัสสาวะ บำรุงผิวพรรณ ลดความดันโลหิต แก้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ส่วน สับปะรด สามารถต้านการอักเสบและเพิ่มพลังการย่อยโปรตีน อุดมไปด้วยโบรเมลิน ซึ่งเป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษาค่าพีเอชของร่างกายให้สมดุล นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี กรดโฟลิก โพแทสเซียม โซเดียม และแมกนีเซียม ผลไม้ชนิดสุดท้าย แอปเปิ้ล อุดมไปด้วยโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 ช่วยชะล้างสารพิษออกจากตับและไต ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ กรดมาลิก กรดแทนนิก และเส้นใยเพ็กติน ทำความสะอาดกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยเฉพาะน้ำที่สกัดจากแอปเปิ้ล ยังมีสรรพคุณลดไข้ ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ การเตรียมส่วนผสมของเครื่องดื่ม ควรเตรียมให้ได้สัดส่วนดังต่อไปนี้...
แตงโมเหลือง 2 ถ้วย สับปะรด 1 ถ้วย แอปเปิ้ลเขียว 2 ถ้วย น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย ขั้นตอนการทำเครื่องดื่มแก้วนี้ เริ่มจากนำสับปะรดที่ปอกเปลือกแล้วมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็ก จากนั้นนำแตงโมเหลืองหั่นเป็นชิ้น ๆ พอหยาบโดยไม่ต้องเอาเมล็ดออก ส่วนแอปเปิ้ลเขียวให้หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าโดยไม่ต้องเอาแกนออก จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาสกัดพร้อมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ เติมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่น ดื่มได้ทันที.
เมื่อเกิดกลิ่นปากแล้วอยากแก้ปัญหาเหล่านั้นเพื่อเรียกคืนลมหายใจหอมสดชื่น กินดี วันนี้มีพืชสมุนไพร และเครื่องดื่มขจัดกลิ่นเหม็นจากช่องปาก เริ่มที่การใช้พืชสมุนไพร อย่าง กานพลู โดยใช้ดอกตูมแห้ง 2-3 ดอก อมไว้ในปากแล้วคายทิ้ง ทั้งยังสามารถนำดอกตูมแห้งบดให้เป็นผง เพื่อนำไปเป็นผงสมุนไพรสำหรับแปรงฟัน หรือจะเป็น ใบฝรั่ง เลือกใบสด 2-3 ใบ เคี้ยวและคายทิ้งหลังมื้ออาหารหรือเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีกลิ่นปาก ส่วนเครื่องดื่มสกัดจากผลไม้ที่ช่วยแก้ไขปัญหาลมหายใจมีกลิ่นเหม็น แถมยังช่วยแก้กระหายนั้นเป็นการนำสรรพคุณของ แตงโมเหลือง สับปะรด แอปเปิ้ลเขียว สำหรับ แตงโม นั้น เป็นผลไม้ที่ช่วยชะล้างของเสียได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะของเสียจากไตและกระเพาะปัสสาวะรวมทั้งทางเดินปัสสาวะ บำรุงผิวพรรณ ลดความดันโลหิต แก้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ส่วน สับปะรด สามารถต้านการอักเสบและเพิ่มพลังการย่อยโปรตีน อุดมไปด้วยโบรเมลิน ซึ่งเป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษาค่าพีเอชของร่างกายให้สมดุล นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี กรดโฟลิก โพแทสเซียม โซเดียม และแมกนีเซียม ผลไม้ชนิดสุดท้าย แอปเปิ้ล อุดมไปด้วยโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 ช่วยชะล้างสารพิษออกจากตับและไต ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ กรดมาลิก กรดแทนนิก และเส้นใยเพ็กติน ทำความสะอาดกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยเฉพาะน้ำที่สกัดจากแอปเปิ้ล ยังมีสรรพคุณลดไข้ ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ การเตรียมส่วนผสมของเครื่องดื่ม ควรเตรียมให้ได้สัดส่วนดังต่อไปนี้...
แตงโมเหลือง 2 ถ้วย สับปะรด 1 ถ้วย แอปเปิ้ลเขียว 2 ถ้วย น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย ขั้นตอนการทำเครื่องดื่มแก้วนี้ เริ่มจากนำสับปะรดที่ปอกเปลือกแล้วมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็ก จากนั้นนำแตงโมเหลืองหั่นเป็นชิ้น ๆ พอหยาบโดยไม่ต้องเอาเมล็ดออก ส่วนแอปเปิ้ลเขียวให้หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าโดยไม่ต้องเอาแกนออก จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาสกัดพร้อมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ เติมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่น ดื่มได้ทันที.
takecareDD@gmail.com
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ประโยชน์ของกุยช่าย
ทราบหรือไม่ว่าผักกุยช่ายมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เรามีเรื่องนี้มาบอก
แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม และแก้ท้องผูก โดยใช้ใบสดตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำดื่ม หรือนำไปผัดรับประทาน เพราะกุยช่าย มีใยอาหารมาก จึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวได้ดี แก้อาการฟกช้ำ โดยใช้ใบสดตำละเอียด แล้วพอกบริเวณที่มีอาการ เพื่อบรรเทาปวดและแก้อาการห้อเลือดได้ แก้อาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย โดยใช้เมล็ดแห้งต้มรับประทาน หรือจะทำเป็นยาเม็ดรับประทานก็ได้ รักษาโรคหูน้ำหนวก โดยใช้น้ำที่คั้นได้จากใบสดทาในรูหู บำรุงน้ำนม คนไทยโบราณเชื่อว่า แม่ลูกอ่อนกินแกงเลียงใส่ผักกุยช่าย จะช่วยบำรุงน้ำนมได้ดี รู้อย่างนี้แล้ว หันมารับประทานผักกุยช่ายกันดีกว่า.
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)